"เงา"

4 มี.ค. 55 / 1345 อ่าน

"เงา" สิ่งคู่ความเป็นตัวตน ตราบที่แสงกระทบ เงาจะเกิดให้เห็น (เพราะที่จริงมันมีตลอดเวลา ต้องว่างจึงไม่มีเงา) "เงา"จึงสะท้อนความเป็นตัวตน   เสียงสะท้อนต่างๆที่เกิดขึ้นจากการกระทบของเราภายในจิตใจ เสมือนเงาที่บ่งบอกว่าเรามีตัวตน ไม่ว่าเราทำดี เสียงสะท้อนถึงความดีของเรา เราดี เราทำดี เราพูดดีเหลือเกิน จะเกิดขึ้นมาเป็นเงาตามตัว เราจึงเคยคุ้นกับเงาสะท้อนนี้ทั้งๆที่หากดูให้เห็นด้วยปัญญาจะรู้ว่าทุกข์นะ ยิ่งถ้ามันคิดวนไปเวียนมาหาความสงบสุขไม่ได้ และเราก็เข้าไปยึดถือมันเป็นอัตโนมัติ ใครมาพูดว่ากล่าวหา การพูดนั้นๆหรือการกระทำนั้นๆของเราไม่ดี เราก็จะเกิดโทสะทันที คนๆนั้นจะไม่ดีทันทีในสายตา"เรา"และ"เงา"ของเราก็จะเกิดขึ้นแสดงความเป็นตัวตนอีก จะปกป้อง ด่าทอ ศัตรูผู้เลวทรามคนนั้นๆทันที เพราะเขามาว่า "เรา"ที่เกิดจาก"เงา" เราต้องนำเรื่องนี้ไปบอกต่อคนให้มากเพื่อให้เข้าใจ"เรา"ก่อน "เงา"ของเราจะสั่งทุกอย่างเพื่อปกป้อง"เรา"   ตกลงใครเป็นใครกันแน่ระหว่าง"เรา"และ"เงา""เงา" มาเป็นตัวเป็นตนได้อย่างไร   ถ้าบอกว่า"เรา"ก็คือกายใจ ชีวิตนี้ของเรา แล้ว"เงา"ล่ะใครกัน "เงา"ก็ใจเรานั่นล่ะ ตัวเดียวกัน ปรุงแต่งยึดถือจนเกิดสร้างชีวิตที่เรารู้จักมาเป็นวันนี้ มันจึงเนียนจนไม่รู้ใครเป็นผู้ร้าย เพราะเรื่องนี้ทั้งเรื่องทำท่าจะมีผู้ร้ายเกือบทั้งเรื่อง แม้พระเอกหากเข้าไปยึดถือ เงาก็จะสถาปนาพระเอกให้เป็นผู้ร้ายไปด้วย   หากเรานิยามความเป็น"ผู้ร้าย"คือสิ่งเกิดดับ เพราะเมื่อยึดถือสิ่งเกิดดับย่อมเป็นทุกข์ เราจะไม่เห็นอะไรสักอย่างเลยที่ไม่เกิดดับ นั่นต้องนับ สติและปัญญาเข้าไปด้วย เพราะสองสิ่งนี้ก็เกิดดับเช่นกัน แต่ในความเกิดดับของสติและปัญญานั้นเหมือนทางออกจากวังวนที่ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเดินทาง หากสติเป็นเรือปัญญาเป็นไม้พาย เมื่อถึงแล้วปล่อยวางไปเลยไม่ต้องโหยหาอาวรณ์ เฉกเช่นเรือข้ามฟากส่งถึงฝั่งโน้นแล้วขึ้นได้เลย ไม่ต้องพิรี้พิไรรำพันให้ตึ๋งหนืดใจ วันหนึ่งแม้ขึ้นฝั่งแล้วก็ปล่อยให้เรือกับไม้พายอยู่ที่ของเขานั่นล่ะ เขาก็ทำหน้าที่เขาต่อไปเองและผุพังไปเองเพราะหมดเหตุก่อแล้ว   "นิพพาน"คือสภาพเดียวที่พระพุทธองค์ตรัสว่าไม่มีการเกิดดับ เป็นสภาพสงบเย็นหมดเชื้อที่จะเกิดการบีบคั้น(ตัณหา) หมดการก่อภพใดๆ เพราะเข้าใจความจริงและถอดถอนได้จนหมดสิ้น   ชีวิตนี้จะสุขสงบเพราะไม่มี "เงา" คอยพร่ำเพ้อ พรรณาความดี ความเลวแห่งตน เมื่อหมดตน ก็จะไม่พร่ำเพ้อพรรณาความเลวความไม่ดีผู้อื่นให้ใจเป็นทุกข์ได้อีก แต่จะสรรเสริญความดีผู้อื่นโดยใจบริสุทธิ์ หยุดความปรุงแต่งสรรพสิ่งขึ้นมาเป็นตัวเรา ของเราในใจ เป็นอิสระทั้งจากโลกนี้ จักรวาลนี้ จากสิ่งแวดล้อม จากทรัพย์สิ่งของ ผู้คน เห็นสัพเพธัมมา สิ่งทั้งปวงล้วนเกิดมีขึ้นเพราะมีเหตุ เสื่อมไปสลายไปเพราะหมดเหตุ ว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน ดังนั้นเมื่อเราจัดการกับเหตุเกิดได้หมดสิ้น สรรพสิ่งจอมปลอมที่หลงสร้างหลงยึดถือขึ้นมาสืบเนื่องยาวนานก็จะอ่อนกำลังลงหมดสภาพในที่สุด   เหลือแต่สภาพเดิมแท้ที่เป็นอิสระจากสรรพสิ่งอย่างแท้จริง และอิสระจากตัวตนในตัวมันเองด้วย สภาพสะอาด สว่าง สงบเย็นนี้แลที่เรียกว่า "นิพพาน"เป็นสภาพไม่มี"เงา" สรรพสิ่งไม่ถูกปรุงแต่งโดยใจ "เงา"หายก่อน "ที่เหลือ"ค่อยๆสลายตาม     ประเสริฐ อุทัยเฉลิม สวนยินดีธรรม ?สุราษฎร์ธานี www.suanyindee.net