กระแสโลกมันแรง

21 มี.ค. 56 / 1330 อ่าน

คนที่มาเข้าคอร์สปฏิบัติ เวลากลับออกไป ก็มักจะมาเล่าให้ฟังเสมอๆว่า กระแสข้างนอกมันแรงจริงๆ เราพลาดอะไรไปบางอย่างรึเปล่า ตอนที่มาฝึกอยู่ในคอร์สนั้น แน่นอนการกระทบต่างๆมันน้อยก็จริง แต่ว่าเราฝึกที่จะไม่ลงไปเป็นผู้กระทบหรือเป็นเจ้าของการกระทบ นั่นจึงทำให้เรารู้สึกเบาและสบาย   ยกตัวอย่างเช่น เราไปเล่นน้ำตก น้ำตกมีทั้งช่วงที่ไหลแรง มีทั้งช่วงที่ไหลเบา หากมีคนลงไปเล่นน้ำตกในช่วงที่น้ำตกไหลแรง เขาจะต้องต้านน้ำตกนั้นอย่างมาก นั่นคือเขาต้องใช้พลังงานในการยืนอยู่เพื่อรักษาเสถียรภาพไม่ให้ล้ม นั่นทุกข์มาก เมื่อเขาอยู่ในบริเวณที่น้ำไหลเอื่อยๆ เขาทำแบบเดียวกันแต่เผอิญว่าน้ำมันไหลไม่แรง เขาจึงรู้สึกว่ายืนได้ไม่ยากนัก นี่ประเภทปุถุชนผู้มิได้สดับ   นักปฏิบัติต้องยิ่งขึ้นไปกว่านี้ ถ้าแบบที่กล่าวมานี้ถือว่าไม่ก้าวหน้าเลย หมายถึงอย่างไร หากเราเอาตัวต้านน้ำตกก็จะอยู่ภายใต้กระแสที่เปลี่ยนไปมาตามเหตุปัจจัยของมัน เราก็ยังคงทุกข์อยู่นั่นล่ะ ในเบื้องต้น เมื่อเกิดสัมมาทิฏฐิ จะมีธรรมชาติหนึ่งที่อยู่ในน้ำเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยคืออยู่กับวิบากของเขา อีกธรรมชาติหนึ่งอยู่บนฝั่งดูธรรมชาตินั้น แต่ไม่ทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับการปะทะ การกระทบ (นี่เบื้องต้นแน่หรือ?) อย่างนี้เรียกว่า ผู้ตกอยู่ในกระแส แต่ไม่ใช่กระแสน้ำที่เรากำลังพูดถึงนี่นะ หมายถึงกระแสแห่งพระนิพพาน แค่นี้ความทุกข์กับคนที่อยู่ในน้ำไม่มีแล้วเข้าใจไหม   ถ้าทำไปอย่างนี้จะเห็นว่ามีคนอยู่ในน้ำหนึ่ง มีคนอยู่บนบกเพิ้อเฝ้าดูคนอยู่ในน้ำอีกหนึ่ง แรกๆก็ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับคนที่อยู่ในน้ำแล้ว แต่เชื่อไหมเมื่อยังเฝ้าดูมันก็ทุกข์กับการเฝ้าดู เที่ยวไปรู้เรื่องคนที่เราเฝ้าดู (คนข้างบ้าน..รู้จักรึยัง) คนที่อยู่ในน้ำจะเป็นยังไงก็เรื่องของวิบาก ผู้เฝ้าดูอยู่บนฝั่งตัดใจที่จะไม่ผูกพันด้วยอีกต่อไป ตัดใจลุกขึ้นทิ้งทุกอย่างที่เคยร่วมทุกข์ร่วมทุกข์กันมา (เขียนถูก..ไม่ผิดหรอก) ไม่มีคนข้างบ้าน เพราะไม่มีใครไปอยู่ข้างบ้านคนที่เราเคยเฝ้าดู หมดที่ตั้งของความทุกข์ หมดเรื่องกัน...หมดเหตุเกิด   ทำอย่างนี้ อยู่ที่ไหนๆบนโลกก็ทำได้ อยู่ในเพศไหนๆก็ทำได้ ขอให้เจริญมรรคให้มากๆ ความสงบเย็นจักเกิดมีในทุกคน   2013-03-21