ภัยพิบัติปี 2012

3 มี.ค. 54 / 1011 อ่าน

ถึง วันนี้เมื่อหยุดแล้วถอยหลังมาดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยก็คงเห็น ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับพี่น้องคนไทยไม่ว่าที่ไหนๆ นี่ปี 2011 นะ ถ้าจิตนาการต่อไปว่า 2012 มันเลวร้ายกว่านี้ มีแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก น้ำท่วมไปทุกหัวระแหง เท่านี้คนก็ทุกข์แย่แล้ว หากวันนั้นเกิดขึ้นมันจะขนาดไหนนะ ทุกคนคงทุกข์กันมากจากการพลัดพราก จากการสูญเสียทั้งชีวิตของคนที่รักหรือสูญเสียอวัยวะหรือชีวิตของตัวเอง หลายคนติดอยู่ใต้ซากที่ไม่มีใครมาช่วยอยู่กับความมืดจนตาย จากนั้นคนที่รอดก็ติดเชื้อจากโรคระบาด ผู้คนหนีตายกันไปในที่ที่พอจะหาอะไรกินได้บ้าง ไปกองกันอีกจนขาดแคลน ทุกคนจะเห็นแก่ตัว ไม่มีการเกื้อกูลต่อการภาวนาอีกต่อไป เราลองฟังพุทธพจน์ซึ่งท่านกล่าวเตือนเกี่ยวกับภัยในอนาคต ๕ ประการ(คลิกโหลดภาคเต็มไปฟัง จากเสียงคุณศันสนีย์ โดยวัดนาป่าพง) ในวันที่เสวนาภัยพิบัติที่ยุวพุทธ พิธีกรคุณแทนคุณได้ถามว่า ถ้าอาจารย์มีโอกาสเลือกอาจารย์จะเลือกไปอยู่ที่ไหน ผมตอบว่าเรื่องที่จะหนีไปไหนคงไม่มีเพราะตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมบรรยายหรือ เปิดคอร์สอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะไปมีบ้านที่ไหนก็ไม่ได้แปลว่าจะไปได้ และจริงๆก็ไม่เคยคิดจะไปไหนเพราะอยู่ที่ไหนก็ได้แต่ทำหน้าที่เท่านั้นเอง มันทำให้นึกถึงความฝันหนึ่งซึ่งแปลกดีแล้วก็เข้ากับเหตุการณ์ตอนนี้ มันเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติรุนแรงมาก หลังจากนั้นเกิดโรคระบาดรุนแรง จนกระทั่งเชื้อนั้นไม่สามารถรักษาได้ ต้องกักบริเวณผู้ติดเชื้อประมาณ 6,000 คนซึ่งผมเป็นหนึ่งใน 6,000 คน นั้นด้วย จากนั้นเขาได้ให้คนทั้งหมดเข้าไปในโรงยิมเพื่อจะทำลายทิ้ง เหมือนไก่เป็นไข้หวัดนกแล้วถูกฆ่าแบบเดียวกันเลย เขามีเตียง 2 ชั้นให้นอนกันเต็มโรงยิมแล้วการนับถอยหลังก็เริ่มต้นขึ้นเพื่อจะระเบิดโรง ยิมเพื่อฆ่าผู้ติดเชื้อทั้งหมด ทุกคนนอนร้องไห้กันระงมอยู่ในความเศร้าโศกกันมาก ผมจึงตะโกนขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้สติและพูดธรรมะให้ทุกคนฟังส่วนมากเริ่มสงบลง หลายคนเข้าใจก็ปล่อยวาง บางคนก็ทำใจไม่ได้ยังคงร้องไห้กลัวตายและคิดถึงคนข้างนอก ผมจึงเดินไปปลอบใจและให้ทุกคนรู้ลมและวางกายนี้ เพื่อความสุขสงบมีสุคติภูมิเป็นที่หมาย สักพักผมได้ยินเสียงประกาศทางไมโครโฟนอย่างเกรี้ยวกราดให้คนที่เดินไปอยู่ ที่เตียงคนอื่นซึ่งหมายถึงผมกลับไปนอนที่เตียงของตัวเอง การนับถอยหลังดำเนินมาจนถึง 3....2....1....เมื่อกำลังจะถึงศูนย์แทนที่ผมจะได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง ผมกลับรู้สึกทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบทุกอย่างสลายไป ทุกอย่างสงบเย็น จากนั้นผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มด้วยความรู้สึกว่า น่าจะเป็นความจริงไปซะเลย ถึงแม้นจะเป็นเพียงฝันๆหนึ่งแต่ผมก็ รู้สึกภูมิใจที่แม้แต่ฝันผมก็ยังคงทำหน้าที่ของผมไปจนหมดลมหายใจ ดังนั้นไม่ว่าปี 2012 จะเกิดอะไรขึ้น ผมจะยังคงทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่สะทกสะท้านกับความตาย ขอรับใช้พระศาสดา ตอบแทนที่ท่านทรงเหนื่อยยากจนมาเป็นคำสอนถึงพวกเราในวันนี้ คำหนึ่งที่ดังก้องอยู่ในใจผมเสมอคือ "เธอจงอย่าเป็นสาวกคนสุดท้ายของเราเลย" แล้วเจอกัน...