กาลามสูตร

3 มี.ค. 54 / 1031 อ่าน

กาลามสูตรมีการพูดกันมากจากสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้โดยเฉพาะข้อที่ว่าอย่าเชื่อเพราะ...(ไปหาอ่านต่อในเวบ พิมพ์ใน google กาลามสูตร) ทำไมท่านจึงตรัสอย่างนี้ ซึ่งต่างจากศาสดาในศาสนาอื่นๆทั้งหมด พระพุทธเจ้าสอนหมวดธรรมหลากหลายหมวด ทั้งคุณธรรม จริยธรรมเช่นสอนให้มีศีล เป็นคนดี ส่วนของพระก็มีปาฏิโมกข์ ข้อบัญญัติที่พระต้องปฏิบัติตาม หากพระไม่เชื่อท่าน คงจะต้องปั่นป่วนแน่ๆ เพราะฉะนั้นในกาลามสูตรท่านต้องการจะสื่ออะไร ต้องการหมายถึงอย่างกัน อย่าเชื่อเพราะฟังตามๆกันมา อย่าเชื่อเพราะคัมภีร์ว่าอย่างนั้น อย่าเชื่อเพราะคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่าเชื่อเพราะะห็นว่าคนนี้เป็นอาจารย์เรา ฯลฯ ที่สำคัญคือคนมักจะฟังคน มักจะมีเหตุผลสารพัดมาทำให้ดูน่าเชื่อถือ ดังนั้นในคำสอนขั้นสูงคือการหลุดพ้น จากทุกข์ทั้งปวงนั้น ได้มีนักบวชนอกศาสนามากมายบำเพ็ญตบะเพื่อสิ่งนี้ แต่ท่านทราบดีว่าไม่มีใครถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้จริงแม้สักคนเดียว มีเพียงพระองค์ที่ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองเท่านั้น และสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นคือความจริงอันประเสริฐสี่ประการที่จะทำให้ สัตว์ทั้งหลายพ้นไปจากสังสารวัฏ และทางที่จะเข้าถึงอริยสัจสี่นี้ก็คือ อริยมรรคมีองค์แปด สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือได้รู้แจ้งในอริยสัจจนปล่อยความยึดถึดถือในขันธ์ เพราะปล่อยความยึดถือจิต ขันธ์จึงเป็นอิสระเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ยึดเอาสภาพทุกข์มาเป็นของเราอีก สภาพนี้ไม่ใช่ให้เหล่าสาวกทำความเข้าใจตามท่าน แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นที่แต่ละคนเองเมื่อปฏิบัติตามมรรค นั่นคือเมื่อมีคนเจริญมรรค คนๆนั้นจะรู้แจ้งขึ้นมาอย่างพระพุทธเจ้า เมื่อเข้าถึงสภาพนั้นก็จะเสมอกันด้วยวิมุตติเท่าเทียมกันทั้งหมด ไม่มีว่าผู้มีบารมีมากจะวิมุตติมากกว่าก็หามิได้ แต่ความเคารพในพระมหากรุณาธิคุณนั้นยังมีเต็มเปี่ยมหาที่สุดมิได้ ไม่เชื่อเพียงเพราะ..(ตามกาลามสูตร).. นั้น ต้องปฏิบัติให้รู้แจ้งเอง ด้วยตนเอง แล้วถึงตอนนั้นก็จะเข้าใจ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง (เพราะตนความจริงก็ไม่ใช่ตน ภาษาธรรมก็ต้องอาศัยภาษาโลกมาสื่อ)