ความประทับใจที่ได้รับจากเด็กญี่ปุ่น 9 ขวบ (เหตุการณ์สึนามิเมื่อต้นปี 54)
3 มี.ค. 54 / 990 อ่าน
ที่มา: เฟสบุ๊คภายใต้ชื่อ “พระไพศาล วิสาโล”
ข้างล่างเป็นบันทึกของชาวเวียดนามผู้หนึ่งซึ่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เมืองฟูกูชิมา 9 วันหลังจากเกิดวิบัติภัย
เมื่อคืนนี้ ผมถูกส่งไปที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยหน่วยงานอาสาสมัครในการแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ประสบภัยพิบัติ
ในหมู่ที่ผู้ที่เข้าคิวยาวรออยู่นั้น ผมสังเกตุเห็นเด็กชายอายุประมาณ 9 ขวบคนหนึ่ง ซึ่งใส่เพียงเสื้อคอกลมและกางเกงขาสั้น
อากาศขณะนั้นหนาวเย็นมากและเขากำลังยืนคอยอยู่ตอนท้ายแถว
ผมเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีอาหารหลงเหลือพอเมื่อถึงคิวของเขา ผมจึงเดินไปเพื่อคุยกับเขา
เขาเล่าให้ผมฟังว่า แผ่นดินไหวและสินามิเกิดขึ้นขณะที่เขาอยู่โรงเรียนในชั่วโมงพละศึกษา
พ่อของเขาซึ่งทำงานอยู่ใกล้ ๆ กันมาหาเขาที่โรงเรียน
เขามองเห็นคุณพ่อและรถของเขาถูกพัดน้ำหายไป จากระเบียงชั้น 3 ของโรงเรียน
คุณพ่อของเขาคงเสียชีวิตไปแล้ว.............
เมื่อผมถามเขาถึงคุณแม่ เขาบอกผมว่าครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ริมทะเล
ดังนั้นคุณแม่และน้องชายของเขาคงไม่สามารถหลบหนีได้ทัน
…..…เขาหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง เพื่อเช็ดน้ำตาเมื่อถูกถามถึงญาติๆ ของเขา
ผมเห็นว่าเขาคงหนาวอยู่ จึงถอดเสื้อโค๊ทตำรวจแล้วคลุมร่างเขาไว้
ขณะเดียวกับที่อาหารมื้อเย็นที่ซุกอยู่ในกระเป๋าก็หล่นออกมา
ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งให้เขาพร้อมบอกเขาไปว่า
“น้าเป็นห่วงว่า อาจจะไม่มีอาหารเหลือถึงคิวของเธออีก
นี่เป็นส่วนของน้า น้ากินไปแล้วหน่อยนึง เธอกินส่วนที่เหลือให้หมดเถอะ”
เด็กน้อยยื่นมือมารับอาหาร แล้วค้อมตัวลงกล่าวคำขอบคุณ ผมคิดว่าเขาคงรีบกินด้วยความหิวในทันที
แต่.....เปล่าเลย เขาถืออาหารชิ้นนั้น แล้วเดินตรงไปยังหัวแถวที่ซึ่งมีคนคอยแจกอาหารอยู่
แล้ววางอาหารที่ผมให้กับเขา ลงไปในกล่องของอาหารที่กำลังได้รับการแจกจ่ายแล้วเขาก็เดินกลับมาเข้าแถวในคิวของเขา
ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงถามเขาว่าทำไมเขาไม่กินอาหารที่ผมให้เสียละ
เขาตอบผมว่า “เพราะมีคนอีกมากที่อาจจะหิวยิ่งกว่าผม ผม! วางไว้ที่นั่นก็เพื่ออาหารจะได้รับการแจกจ่ายอย่างเป็นธรรมให้กับทุกคน”
เมื่อผมได้ฟังคำตอบ ผมต้องหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพื่อร้องไห้ โดยที่คนอื่น ๆ จะได้มองไม่เห็น
ผมรู้สึกตื้นตันใจ ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายอายุ 9 ขวบ ซึ่งเรียนอยู่เพียงชั้นประถมปีที่ 3 จะสามารถสอนบทเรียนล้ำค่าแก่ผมได้ในเวลาคับขันเช่นนี้
มันเป็นบทเรียนแสนสะเทือนใจของความเสียสละ ประเทศใดที่มีเด็ก ๆ อายุเพียง 9 ขวบ ซึ่งเรียนรู้ที่จะอดทน ที่จะทนกับความยากลำบากและเสียสละเพื่อผู้อื่นได้ ต้องเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ประเทศนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่คับขันที่สุด แต่ประเทศนี้ต้องสามารถฟื้นคืนกลับมาได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแน่นอน
ทั้งนี้ด้วยเพราะประชาชนผู้รู้ที่จะเสียสละตัวเองให้กับผู้อื่น ดังเช่นเด็กชายน้อยๆ ผู้นี้