เที่ยวทัวร์ ให้คนอื่นสุข

3 มี.ค. 54 / 1113 อ่าน

หนึ่งในบทความหนังสือเล่มใหม่ ที่กำลังจะออกโดย อัมรินทร์พริ้นติ้ง เที่ยวทัวร์ ให้คนอื่นสุข ศุภ กิจศิษย์น้องได้เชิญผมเดินทางไปทัวร์วัดในเมื่องจีน ซึ่งก็มีสถานที่ใหญ่โตอลังการเหลือเกิน พระแต่ละองค์ใหญ่แบบมีดีกรีระดับโลกทั้งนั้น มีประวัติปั้นแต่งให้น่าสนใจมากมาย เดินขึ้นเขาเหยียบเมฆให้รู้กันบ้างว่าใครใหญ่ ทั้งๆที่เหนื่อยหอบแฮ้ก อากาศก็เบาบางเหลือเกิน หายใจเหมือนไม่ได้หายใจ ทุกคนเดินก้าวขาขึ้นภูเขาหนีแรงดึงดูดของโลกกันอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อถึงยอดเขาก็ถ่ายรูปกันอย่างเมามันแล้วหัวหน้าทัวร์ก็ประกาศให้ลงไปพบ กันข้างล่าง “สุขตรงไหนนะ นี่มันทุกข์ชัดๆ ทนทุกข์ขึ้นมาถ่ายรูป ใช้กำลังเดินขึ้นมาแทบตายแล้วก็ลง แล้วหลอกตัวเองว่าสุข ไม่เกิดอะไรเลย” “ศุภกิจก็ตอบว่า “อ้าวพี่ เขาก็ทำกันอย่างนี้ล่ะ ชาวโลก” ผมจึงบอกว่า “นี่เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าเที่ยวทัวร์ให้มีความสุขทำอย่างไร”   หลังจากกลับมาจากทัวร์ผมบอกว่าจัดทัวร์ไปเนปาลให้หน่อย เอาแบบถูกที่สุด ไปสักเจ็ดวัน ที่พักไม่ต้องถีงกับห้าดาวก็ได้ ขอให้สะอาดพอสมควร อาหารสองมื้อ ศุภกิจร้อง หา???”(ให้เลือก แต่ไม่ลดเงิน) วันสุดท้ายเอาห้าดาวแบบหรูสุดๆคืนเดียว แต่ละวันที่ท่องเที่ยวไปไม่ต้องมากที่เดียวพอไม่ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงรถจนขาขวิดเหมือนจะทำสถิติลงกินเนสบุ๊คว่าทัวร์ข้าไปมากที่ที่สุด โปรแกรมทัวร์ทุกวันไปสถานรับเลี่ยงเด็กกำพร้า คนพิการ หรือที่ๆคนขาดแคลน ทุกเย็นต้องการห้องประชุมสวดมนต์ฟังธรรม สถานที่ที่ไปเที่ยวตอนกลางวัน ถ้าเป็นไปได้ขอให้มีที่บรรยายที่นั่นด้วย ขอ ห้องรับรองที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นกรรมฐานก่อนออกนอกประเทศ ทุกคนแต่งเสื้อขาว กางเกงดำ และ Duty Free ที่สนามบินคือสถานที่อโคจร ขึ้นกรรมฐานแล้วห้ามเข้า ศุภกิจบอก "จะมีคนไปหรือพี่?"  ก่อนรับลูกทัวร์ให้อ่านเงื่อนไขก่อนทำไม่ได้อย่าไป...แต่ทัวร์นี้เต็มภายใน 3 วันหลังประกาศ   ทุกคนได้รับความสุขแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จากการที่ท่องเที่ยวเพื่อหาความสุขใส่ตัว กลายเป็นการเดินทางไม่ว่าไปที่ไหนเอาควาสุขไปให้คนอื่น ได้เห็นคนที่เราไปให้เขามีความสุข พวกเรามีความสุขไปด้วย ตอนเย็นกลับมาปฏิบัติธรรมกันอย่างเข้าใจ ไปถึงไหนก็เพื่อผู้อื่น เด็กๆที่ร่วมทัวร์ไปแม้ไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อนก็เริ่มเข้าใจชีวิต แน่นอนเรารู้ดีว่าเรื่องชอปปิ้งนั้นต้องมีอยู่แล้ว วันก่อนสุดท้ายตอนบ่ายโมงหลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ภาพที่ทุกคนนึกไม่ถึงคือรถบัสเลี้ยวเข้าโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ที่สุดแสนจะหรูหรา ห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องอาบน้ำที่น้ำแรงยิ่งกว่าน้ำตก วันนั้นไม่มีตารางทัวร์ ทุกคนจะทำอะไรก็ได้จนถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้(บางทีการดึงเชือกให้ขาด ดึงแรงๆทีเดียวเชือกไม่ขาด แต่กระชากแล้วปล่อยแล้วกระชากอีกทีขาดง่ายกว่า..ห้ามเอามาเป็นข้ออ้างนะ) และก่อนที่จะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมพิธีพระในบ้านกลางล็อบบี้โรงแรมไฮแอท เด็กๆก้มลงกราบเท้าพ่อแม่รำลึกถึงบุญคุณและขอขมาลาโทษทำเอาพ่อแม่ลูกกอดกัน ร้องไห้กันใหญ่ แต่มันไม่จบแค่ที่เราเห็นเท่านั้น..   นักท่องเที่ยวท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาผมด้วยน้ำตาแล้วเอาผ้าแพรยาวๆขออนุญาต คล้องคอผมแล้วบอกว่า ไอประทับใจในภาพที่เห็นเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยเห็นภาพประทับใจแบบนี้มาก่อน   ถึงเวลากลับบ้านพร้อมความสุขที่แท้จริงกันแล้ว