คำนำ หนังสือ ดับ ว่าง สงบ เย็น ของหลวงพ่อเอี้ยน

4 ก.พ. 55 / 1274 อ่าน

คำนำ-ดับ ว่าง สงบ เย็น หลวงพ่อเอี้ยน ชื่อของท่านอาจจะมีคนไม่มากนักที่เคยได้ยินหรือเคยรู้จักนอกจากลูกศิษย์ใกล้ ชิดหรือปฏิบัติอยู่กับท่าน หนังสือเล่มเป็นการถอดคำบรรยายของหลวงพ่อเอี้ยนในโอกาสที่ท่านบรรยายในช่วง วันสงกรานต์ ปี๒๕๕๔ ณ สำนักวิปัสสนาวังสันติบรรพต จังหวัดพัทลุง โดยคุณวรัชญา ศรีมาจันทร์ ลูกศิษย์คนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของธรรมะจึงได้ถอดคำบรรยายจนทำให้เกิดหนังสือ เล่มนี้ขึ้นมา ต้องขออนุโมทนา   คำสอนของหลวงพ่อเอี้ยนซึ่งโดดเด่นมากสำหรับทุกคนที่ไปหาหรือไป่ศึกษาปฏิบัติ กับท่านจะได้ยินคำที่ท่านให้ภาวนาว่า “ไม่ใช่กู” นั่นอาจทำให้ผู้เข้าไปพบท่านหรือฟังบรยายจากท่านออกอาการงงเพราะไม่เข้าใจ แล้วทำไมต้องภาวนาอย่างนี้ หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า “ตัวกู-ของกู” มาอย่างคุ้นเคยเพราะได้ยินบ่อยจากท่านอาจารย์พุทธทาสได้พูดเอาไว้บ่อยมาก แต่คำว่า “ไม่ใช่กู” นี้มาได้ยินก็จากหลวงพ่อเอี้ยน ซึ่งท่านเองก็เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์พุทธทาส   คนที่จะเข้าใจคำนี้ได้คงต้องปฏิบัติธรรมมาพอสมควรทีเดียว เพราะหากเราเคยได้ศึกษาเรื่องอริยสัจ๔มาบ้าง ในส่วนของทุกขอริยสัจนั้นพระพุทธองค์ได้แจกแจงเรื่องของทุกข์เอาไว้อย่างมาก มายดังตัวอย่างนี้   “ ความทุกข์ สภาพที่ทนได้ยาก สภาวะที่บีบคั้น  ขัดแย้ง บกพร่อง ขาดแก่นสารและความเที่ยงแท้ ไม่ให้ความพึงพอใจจริง?ได้แก่ ชาติ ชรา มรณะ การประจวบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ความปรารถนาไม่สมหวัง ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์๕เป็นทุกข์   แต่สุดท้ายจะเห็นคำว่า “ว่าโดยย่อ อุปาทานขันธ์๕เป็นทุกข์เมื่อ ศึกษาและปฏิบัติไปจะพบความจริงทั้งหมดของทุกข์ที่เกิดขึ้นในสัตว์โลก เกิดขึ้นจากมูลเหตุเดียวที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกข์ทั้งมวลอยู่ตรงนี้เท่า นั้นเอง การยึดขันธ์๕มาเป็นของเรา มันยึดขันธ์๕มาเป็นของเราได้อย่างไร ก็เพราะจิตโง่ซึ่งมีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นเครื่องอยู่เป็นอาหาร เริ่มก่อร่างสร้างความยึดถือตัวจิตเองมาเป็นตัวตนนั่นเองมาอย่างยาวนาน จึงเกิดการยึดขันธ์ ดังนั้นสิ่งที่ขันธ์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่า คน สัตว์ สิ่งของจึงถูกยึดขึ้นมาด้วยความหลงผิด สิ่งต่างๆที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ว่างอยู่แล้วจึงเกิดมีเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาในใจของคนๆนั้น นั่นเพราะมีมูลเหตุเดิมจากมีจิตโง่เป็นจุดเริ่มต้นนั่นเอง หากใครก็ตามละวางอุปาทานขันธ์๕ลงได้ ทุกข์ทั้งหมดจะไม่มีที่ตั้งนั่นจะดับลง   ดังนั้นการที่หลวงพ่อเอี้ยนให้ภาวนาว่า “ไม่ใช่กู” จึงเป็นคำที่มีจุดมุ่งหมายไปที่ให้จิตเกิดปัญญาขึ้นมาเพื่อให้เห็นความจริง แน่นอนในเบื้องต้นแม้จะยังไม่เห็นสิ่งนี้เพราะอาจจะเข้ามาปฏิบัติใหม่ แต่คำบริกรรมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคำใดอาทิเช่น พุทโธ สัมมาอรหัง เป็นต้น มีส่วนที่ทำให้เกิดเป็นสมาธิจากการภาวนาท่องบ่นทั้งสิ้น แต่หลวงพ่อเอี้ยนให้แง่คิดว่า “ไม่ใช่กู” นี้สามารถเป็นได้ทั้งสมถะให้เกิดเป็นสมาธิ และเป็นปัญญา ชี้ช่องให้จิตเมื่อเกิดความตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิขึ้น ให้จิตได้พบความจริงที่เป็นอนัตตารู้แจ้งขึ้นเป็นขณะ จนถึงขั้นสุญญตา เมื่อเกิดการปล่อยวาง การจะภาวนาคำว่า “ไม่ใช่กู” ให้เกิดผลอย่างแท้จริง ผู้ปฏิบัติต้องเห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในสรรพสิ่งควบคู่มาด้วยจากการปฏิบัติด้วยตนเอง   เมื่อเกิดการปล่อยวางในอีกมุมมองหนึ่งนั่นก็คือการดับหรือนิโรธจะเกิดขึ้น ด้วย เมือสภาพดับเกิดมากขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติเองจะรู้สึก”ว่าง” ในความเป็นจริง “ว่าง” ในภายในและเห็นสภาพว่างจากความหมายแห่งความเป็นตัวตนในสรรพสิ่งซึ่งนั่นก็ เป็นผลมาจากดับยาวขึ้น และวางยึดถือในความเป็นตัวตนในสรรพสิ่งเพราะการวางขันธ์๕ได้มากขึ้นนานขึ้น นั่นเอง เมื่อขันธ์ทั้งหลายถูกสลายออกไปจนไม่สามารถเข้ามาก่อรวมกันให้เกิดเป็นสภาพ มีอัตตาตัวตนได้อีก จิตโง่เริ่มเห็นความจริงวางตัวตนลงได้อีกจนเกิดความ “สงบ” ขึ้นในจิตใจเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งจิตเกิดเป็นสัมมาญาณว่าไม่มีใครที่ไหนเลยทุกอย่างล้วนเป็นธรรมชาติ เกิดอรหัตมรรคเข้าชำระจิตทำลายอวิชชาเกิดเป็นวิชชาขึ้นมา จึงเกิดเป็นสัมมาวิมุตติ หลุดพ้นจากความหลงผิดอีก เกิดความ”เย็น” ขึ้นในจิตอย่างไม่หวนกลับอีก เกิด จักขุง อุทะปาทิ จักษุเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ญาณัง อุทะปาทิ ญานเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ปัญญา อุทะปาทิ ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา วิชชา อุทะปาทิ วิชชาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา อาโลโก อุทะปาทิ แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่เรา นี้จึงเป็นการรู้แจ้งที่เป็นวิชชาอย่างแท้จริง   ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นคำบรรยายจากหลวงพ่อเอี้ยนคงจะเป็นเป็นเครื่อง นำทางให้ผู้ที่สนใจใฝ่ธรรมได้รับทั้งปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธจากพระอริยสงฆ์เจ้าผู้ที่สามารถปฏิบัติจนเข้าถึงพระธรรมและ ยังนำพระธรรมในส่วนคำสอนที่เป็นเส้นทางเดินของมรรคมีองค์๘มาประกอบทำให้เข้า ใจและเดินทางอย่างมั่นใจด้วยการเจริญมรรค จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างหมดข้อลังเลสงสัย   สำหรับผมเองก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างมากจากหลวงพ่อเอี้ยนที่ให้โอกาสเป็น ผู้เขียนคำนำและจากผู้ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาคือคุณป้อม วรัชญา นี่จึงถือเป็นการได้ตอบแทนบุญคุณของครูบาอาจารย์ผู้ชี้ทางอันประเสริฐตามคำ พระบรมศาสดา และความภูมิใจส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งที่หลวงพ่อเอี้ยนมีให้ก็คือทุกๆที่ที่มี โอกาสไปบรรยายกับหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อกล่าวแนะนำให้ผู้คนได้รู้จักแล้วท่านจะต่อด้วยคำว่า “”คนนี้ล่ะมือขวาของหลวงพ่อ” .. ขอน้อมรับด้วยความเคารพยิ่ง   คำนำโดย : ประเสริฐ อุทัยเฉลิม   หากผู้ใดสนใจร่วมเป็นเจ้าภาพหนังสือ หรือต้องการรับหนังสือสามารถเมลแจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ส่วนค่าจัดส่งหนังสือจะตอบกลับหมายเลขบัญชีให้ภายหลัง โดยเมลมาที่ suanyindee@gmail.com แต่หนังสือเพิ่งอยู่ในขั้นตอนแรกกำลังจะเข้าสู่โรงพิมพ์เร็วๆนี้คงต้องรอสักพัก