องคุลิมาล เรื่องที่เราไม่เคยได้ยิน

4 ก.พ. 55 / 1386 อ่าน

เรื่ององคุลิมาล เราทั้งหลายคงเคยได้ยินกันในเรื่องที่ท่านฆ่าคน 999 คน และพระพุทธเจ้าเข้ามาขวางไว้ไม่เช่นนั้นคนที่ 1,000 จะเป็นแม่ของท่าน จนท่านออกบวชบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ส่วนนี้เคยได้ยินกันมา ลองมาดูประเด็นในส่วนที่เราไม่เคยได้ยินกันมา และเป็นประเด็นที่หลายคนอาจสงสัยซึ่งสมัยพุทธกาลเองก็สงสัยและผู้ที่เฉลยข้อ สงสัยเหล่านั้นก็คือพระพุทธเจ้า เมื่อได้พบพระพุทธเจ้า องคุลิมาลจึงขอบวช "องคุลิมาลเราได้หยุดคือเลิกฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตแล้ว ส่วนตัวเธอยังไม่หยุด คือยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่ เราจึงพูดเช่นนั้น" องคุลิมาลได้ยินพระสุรเสียงอันแจ่มใส พระดำรัสที่คมคายเช่นนั้น ก็เกิดใจอ่อน รู้สึกสำนึกผิดได้ทันทีแล้ววางดาบ ทิ้งธนู สลัดแล่งโยนทิ้งลงเหวที่หุบเขา เข้าไปถวายบังคมพระบาทยุคลของพระพุทธองค์ ทูลขอบวชในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยได้ทรงพิจารณาเห็นว่าองคุลีมาลนั้นถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยและได้เคยถวายภัณ ฑะ คือ บริขารแปด แก่ท่านผู้มีศีลในปางก่อน ก็ทรงเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออกจากบังสุกุลจีวร เปล่งพระสุรเสียง ตรัสเรียกว่า เธอ จงมาเป็นภิกษุเถิด จงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด พร้อมกับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นนั่นเอง เพศคฤหัสถ์ขององคุลีมาลนั้นก็อันตรธานไป บรรพชาและอุปสมบทก็สำเร็จ...พระบรมศาสดาก็เสด็จพาองคุลิมาลภิกษุไปสู่พระเชต วันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลได้พบภิกษุองคุลิมาล สมัยนั้น หมู่มหาชนก็มาชุมนุมกันอยู่ที่ประตูพระราชวังของพระเจ้าปเสนทิโกศล ส่งเสียงร้องทุกข์กับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีโจรชื่อว่าองคุลิมาล เป็นคนหยาบช้า ฆ่าคนโดยไม่มีความกรุณา องคุลิมาลโจรนั้น เข่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงแขวนคอไว้ ขอพระองค์จงกำจัดมันเสียเถิด ดังนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงได้เสด็จเคลื่อน พลออกจากนครสาวัตถี ด้วยกระบวนม้าประมาณ ๕๐๐ เสด็จเข้าไปยังพระเชตวันมหาวิหารแต่ยังวันทีเดียว เสด็จไปด้วยพระยานจนสุดทางที่ยานจะสามารถไปได้แล้ว เสด็จลงจากพระยานแล้ว ทรงพระราชดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉัน ออกมาจับโจรชื่อว่าองคุลิมาล พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกรมหาราช ถ้ามหาบพิตรทอดพระเนตรเห็น องคุลิมาล เป็นผู้ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการพูดเท็จ ฉันภัตตาหารหนเดียว ประพฤติพรหมจรรย์ พระองค์จะทรงกระทำอย่างไรกะเขา? พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงตรัสว่า ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันจะพึงทำความเคารพ จะจัดถวายจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร หรือก็จะจัดการรักษาป้องกันคุ้มครองอย่างเป็นธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่องคุลิมาลโจรนั้น เป็นคนทุศีล มีบาป จะมีความสำรวมด้วยศีลถึงอย่างนั้นได้อย่างไร? ขณะนั้น ท่านพระองคุลิมาล นั่งอยู่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขึ้นชี้ตรัสบอกพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ดูกรมหาราช นั่น องคุลิมาล ความลำบากในการบิณฑบาตและอุบายของพระพุทธเจ้า หลังจากที่ท่านพระ องคุลิมาลได้บวชแล้ว ท่านก็ได้รับความลำบากในเรื่องการบิณฑบาต แรก ๆ ท่านก็ออกบิณฑบาตภายนอกพระนคร แต่พวกชาวบ้านพอเห็นท่านแล้วย่อมสะดุ้งบ้าง ย่อมหนีเข้าป่าไปบ้าง ย่อมปิดประตูบ้าง บางพวกพอได้ยินว่า องคุลิมาล ก็วิ่งหนีเข้าเรือนปิดประตูเสียบ้าง พระพุทธองค์ทรงพระ ปริวิตกเกี่ยวกับเรื่องพระเถระลำบากด้วยภิกษาหาร เพื่อจะสงเคราะห์พระเถระนั้นโดยการลดความหวาดกลัวของประชาชนลง พระองค์จึงทรงมีพระประสงค์จะให้พระเถระแสดงสัจจกิริยาอนุเคราะห์แก่สตรีผู้ เจ็บครรภ์เพื่อให้ชนทั้งหลายเห็นว่า บัดนี้พระองคุลิมาลเถระกลับได้มีเมตตาจิต กระทำความสวัสดีให้แก่พวกมนุษย์ด้วยสัจจกิริยา ฉะนั้นชนทั้งหลายย่อมคิดว่าควรเข้าไปหาพระเถระ ต่อแต่นั้นพระเถระก็จะไม่ลำบากด้วยภิกษาหาร พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูกร องคุลิมาล ถ้าอย่างนั้น เธอจงเข้าไปหาสตรีนั้นและกล่าวกะสตรีนั้นอย่างนี้ว่า ดูกร น้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดมาแล้ว จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์จากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด ท่านพระองคุลิมาลกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าข้าพระองค์กล่าวเช่นนั้นก็จะเป็นว่าข้าพระองค์กล่าวเท็จทั้งรู้อยู่เป็นแน่ เพราะข้าพระองค์แกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตเป็นอันมาก พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูกร องคุลิมาล ท่านอย่าถือเอาเหตุนั้นเลย นั่นไม่ใช่ชาติของท่าน นั่นเป็นเวลาเมื่อเป็นคฤหัสถ์ ธรรมดาคฤหัสถ์ย่อมฆ่าสัตว์.บ้าง ย่อมกระทำอทินนาทานเป็นต้นบ้าง แต่บัดนี้ ชาติของท่านชื่อว่า อริยชาติ.เพราะฉะนั้น ท่านถ้ารังเกียจจะพูดอย่างอย่างนั้น ท่านจงเข้าไปหาสตรีนั้น แล้วกล่าวกะสตรีนั้นอย่างนี้ว่า ดูกรน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาติ จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด องคุลิมาลบรรลุธรรมได้อย่างไรทั้งๆที่ฆ่าคนมามากมาย แต่พระประสงค์ของพระ พุทธองค์ ในการที่จะให้พระเถระกระทำสัจจกิริยาด้วยถ้อยคำดังกล่าวข้างต้น ด้วยทรงมีพระพุทธประสงค์อีกประการหนึ่งก็คือ ในอดีตตั้งแต่พระเถระบรรพชาแล้ว ท่านก็เพียรในสมณธรรม แต่เมื่อขณะที่พระเถระกระทำกัมมัฏฐานนั้น ท่านก็ไม่สามารถทำความสงบให้เกิดขึ้นแก่จิตได้ ด้วยภาพแห่งการกระทำที่ในดง เช่นการฆ่าพวกมนุษย์ ภาพการโอดครวญวิงวอนของเหล่ามนุษย์ที่ท่านกำลังจะฆ่า ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ข้าพเจ้ายังมีบุตรเล็ก ๆ อยู่ โปรดให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้าเถิดนาย ภาพความวิการแห่งมือและเท้าก็ดี ของคนเหล่านั้น ดังนี้ ย่อมมาสู่จิตของท่าน จนท่านไม่สามารถกระทำสมณธรรมได้ต้องลุกไปเสียจากที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ให้พระเถระกระทำสัจจกิริยาโดยชี้อริยชาติ ด้วยทรงเล็งเห็นว่า พระองคุลิมาลที่เคยทำผิดทำบาปมานั้นเป็นคฤหัสถ์และได้จบไปแล้ว พระเถระไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องในเมื่อครั้งเป็นคฤหัสถ์ ขันธ์เกิดดับอยู่ตลอด แต่ให้ท่านได้มีความเข้าใจว่าท่านเกิดใหม่ในอริยชาติแล้ว ทุกคนเคยทำมาทั้งกุศลและอกุศลถึงวันนี้แล้วท่านเข้ามาถือศีลทำกุศลโดยส่วน เดียวละความยึดถือในอกุศลเพราะมันผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไข เมื่อท่านเห็นความจริงดังนี้แล้วเจริญวิปัสสนาก็จักละวางกุศลไม่ยึดถือ พ้น การเห็นผิดในความเป็นอัตตาตัวตน จักบรรลุพระอรหัตต์ได้เพราะละซึ่งอุปาทานขันธ์ ต่อมาภิกษุองคุลิมาลก็หลีกออกจากคณะ ไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ผู้เดียว ไม่นานเท่าไรนักก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ องคุลิมาลตายแล้วไปไหน เมื่อครั้งพระเถระปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุแล้วภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า พระองคุลิมาลเถระเมื่อสิ้นชีวิตแล้วจะไปบังเกิดที่ไหน ? เพราะ เนื่องจากพระเถระสร้างบาปทำกรรมมามากมายจึงสมควรที่จะต้องไปชดใช้ในนรกเป็น แน่ เมื่อพระศาสดาเสด็จมาเห็นภิกษุสนทนากันกันอยู่ ขึงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่านั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ปรารภกันถึงเรื่องที่พระองคุลิมาลเถระจะไปบังเกิดที่ไหน พระเจ้าค่ะ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า พระเถระไม่มาเกิดอีกแล้วเพราะท่านได้ปรินิพพานแล้ว (หมายถึงบรรลุอรหัตผล) เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า พระองคุลิมาลเถระฆ่ามนุษย์เป็นจำนวนมากเช่นนั้น ท่านได้ปรินิพพานแล้วหรือ พระพุทธองค์จึงตรัสรับรองว่าเป็นอย่างนั้น เพราะท่านพระ องคุลิมาลก่อนนั้นท่านไม่ได้กัลยามิตรสักคนหนึ่ง จึงได้ทำบาปอย่างนั้นในกาลก่อน แต่ภายหลังเธอได้กัลยาณมิตรเป็นปัจจัย จึงได้เป็นผู้ไม่ประมาท เหตุนั้น ท่านจึงสามารถละบาปกรรมนั้นได้แล้วด้วยกุศล กัลยาณมิตรคือพระ พุทธเจ้า คืออริยมรรคมีองค์๘ วันนี้เรามีทุกอย่างแล้วช่วยกันยืนยันคำของท่านเถิด อย่ามัวจมปลักอยู่กับอดีตเลย ทำให้ดีที่สุดเราทำได้ไม่มากกว่านี้หรอก