เก่งหรือโง่ ที่เล่นกับเสือเหมือนเล่นกับแมว

4 ม.ค. 55 / 1135 อ่าน

กาม ทั้งหลายมีสุขน้อยมีทุกข์มาก แต่ทุกคนกลับวิ่งไล่ล่าแสวงหาแบบเอาเป็นเอาตาย ประเคนจนตา หู จมูก ลิ้น กายของเราเข้าไปติดงอมแงม ไม่ติดก็หาเรื่องให้มันติด แล้วหลงไปเรียกมันว่า รสนิยม ก็ถูกของคำอยู่แล้ว คือนิยมในรส ที่ตา หูฯลฯ มันไปนิยมเข้า ติดอะไรก็ทุกข์เหมือนคนติดยา หามาส่งส่วยมันไม่ได้หยุด อย่ามาอ้างว่าใช้ให้เห็นการเกิดดับนะ มันเกิดดับทุกวินาทีนั่นแหละ เห็นมาตั้งนานแล้ววันนี้ก็ไม่เห็นหยุดใช้มันเลย กะจะเกิดปัญญาตอนตายเหรอ เป็นๆจิตใจสมบูรณ์ยังไม่มีปัญญาจะเห็นจะลดละเลย อนุสัยไม่ได้ดูเนื้อที่เรื่องอย่างเดียวนะ มันลึกกว่านั้น มันเป็นสภาพที่หลง ตัวอย่างเช่น ติดกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง พอได้มาหรือเบื่อแล้ว ก็ไปติดรองเท้าแบรนด์เนมต่อ ก็เพราะเราไม่มีสติชำระจัดการกับราคานุสัย เมื่อเกิดราคะในสิ่งใดแล้วไม่จัดการให้สติเข้าไปชำระหรือใช้สิ่งนั้นอย่าง ระมัดระวัง จึงต้องหลงเป็นทาสตลอดกาล แล้วมาอ้างว่าต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขถึงจะคุ้ม คุ้มแน่ๆกับการเวียนว่ายตายเกิด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมายาว นาน ในระหว่างบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แม้นพระองค์ตั้งจิตไว้เพื่อการตรัสรู้ ยังเสวยพระชาติเวียนวนในภพภูมิต่างไม่สิ้นสุด เดรัจฉานบ้าง มนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง แล้วเราล่ะจิตใจชุ่มไปด้วยกาม อกุศลเต็มไปด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ไม่มีความปรารถนาใดๆสู่การหลุดพ้น ขอแค่ได้สุขไปวันๆ วันนี้สุขเพราะอะไร ก็แค่สิ่งต่างๆพอจะเป็นไปดั่งใจไง ถึงได้สุข ถ้าอะไรๆไม่เป็นไปดั่งใจหรือมันเกิดพลิกล็อคหักมุม ดูซิมันจะยังสุขไหม แล้วคิดหรือว่า อะไรๆมันจะเป็นไปดั่งใจได้ตลอด เพราะใจมันอยากให้ทุกอย่างเป็นอย่าง นี้ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอย่างที่ใจหวังแล้วฉันจะมีความสุข มิจฉาทิฏฐิตั้งแต่คิดแล้ว แล้วไหนอนิจจัง นี่มันนิจจังชัดๆ วันนี้รู้จักเสือให้ดี เสือคือเสือ ไม่ใช่แมว เวลาไปสวนสัตว์ เห็นคนกระโดดเข้าไปในบ่อเสือแล้วเล่นกับมันเหมือนเล่นกับแมวที่บ้าน ท่านจะว่าเขาเก่งหรือเขาโง่ล่ะ ในธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร ปฐมเทศนาครั้งแรกเริ่มต้นท่านก็ตรัสเตือนภิกษุทันที กามสุขัลลิกานุโยโค การประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยกามนั้น เป็นสิ่งที่ภิกษุไม่ควรข้องแวะเลย เป็นของต่ำทราม เป็นของชาวบ้าน เป็นของชนชั้นปุถุชน แปลว่าอะไร เราไม่ใช่พระ เราใช้ของต่ำทรามได้ใช่ไหม? แน่นอนเรามีแค่ศีล5 (ยังไม่ค่อยจะครบเลย) การตามระดับของความปรารถนาของแต่ละคนเถิด ใครที่เสพติดแบบไม่เห็นโทษใครจะไปว่าอะไร เงินใครก็เงินใคร แต่หากใครเกิดปัญญาตามสัมมาทิฏฐิรู้ว่าอะไรทุกข์ อะไรเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ก็พยายามลดละเหตุของมัน ต้องใช้ก็ใช้อย่างรู้โทษรู้ภัย ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้รู้จักเสือ หากจะต้องเข้ากรงเสืออีกครั้งจะเริ่มระมัดระวังในการอยู่กับเสือ รู้แล้วว่าเสือไม่ใช่แมว สติปัญญาเราวันนี้ ไม่พอต่อกรกับเสือ อย่าแหย่มัน